เปลี่ยนสีรถ ต้องแจ้งขนส่งภายในกี่วัน มีขั้นตอนและใช้เอกสารอะไรบ้าง? | Micro Leasing

เปลี่ยนสีรถ ต้องแจ้งขนส่งภายในกี่วัน มีขั้นตอนและใช้เอกสารอะไรบ้าง?

12 กรกฎาคม 2567

AW เปลี่ยนสีรถ_Edit-01_0.jpg


การทำสีรถใหม่ไม่ว่าจะเป็นรถเก่าหรือใหม่ หากมีการเปลี่ยนแปลงสีจากที่แจ้งไว้ในทะเบียน จะต้องทำการแจ้งเปลี่ยนสีรถกับกรมขนส่งอีกครั้ง ไม่เช่นนั้นจะถือว่าผิดกฎหมาย นี่คือเหตุผลพื้นฐานที่ผู้ใช้รถทุกคนควรทราบเกี่ยวกับกระบวนการแจ้งเปลี่ยนสีรถเพื่อให้ดำเนินการได้ถูกต้องครบถ้วน เมื่อเจ้าหน้าที่เรียกตรวจสอบจะได้ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการถูกปรับ

เพื่อให้มั่นใจว่าการแจ้งเปลี่ยนสีเป็นไปตามกฎหมายอย่างถูกต้อง ผู้ใช้รถสามารถศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับการแจ้งเปลี่ยนสีรถได้จากหัวข้อต่าง ๆ ดังนี้

ทำไมต้องแจ้งเปลี่ยนสีรถกับกรมขนส่งทางบก

การแจ้งเปลี่ยนสีรถเป็นการทำให้ข้อมูลในทะเบียนรถยนต์ตรงกับความเป็นจริง หากมีการเปลี่ยนแปลงสีรถแต่ไม่มีการแจ้งต่อกรมขนส่ง การขับรถที่มีสีไม่ตรงกับข้อมูลในทะเบียนจะถือว่าผิดกฎหมาย และอาจนำไปสู่การถูกปรับหรือมีปัญหาในการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ตำรวจ

1. ป้องกันการทำผิดกฎหมาย

การแจ้งเปลี่ยนสีรถเป็นการทำให้ข้อมูลในทะเบียนรถยนต์ตรงกับความเป็นจริง หากมีการเปลี่ยนแปลงสีรถแต่ไม่มีการแจ้งต่อกรมขนส่ง การขับรถที่มีสีไม่ตรงกับข้อมูลในทะเบียนจะถือว่าผิดกฎหมาย และอาจนำไปสู่การถูกปรับหรือมีปัญหาในการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ตำรวจ

2. การตรวจสอบและความปลอดภัย

การที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถตรวจสอบข้อมูลในทะเบียนรถยนต์และสีของรถได้อย่างถูกต้องมีความสำคัญในการรักษาความปลอดภัย หากรถถูกขโมยหรือมีการใช้รถในการกระทำผิด การมีข้อมูลสีรถที่ถูกต้องจะช่วยให้เจ้าหน้าที่สามารถติดตามและตรวจสอบได้ง่ายขึ้น

3. การประกันภัยและความคุ้มครอง

บริษัทประกันภัยมักจะใช้ข้อมูลจากทะเบียนรถในการคำนวณค่าเบี้ยประกันภัย การที่สีรถไม่ตรงกับทะเบียนอาจส่งผลต่อการประเมินค่าเบี้ยประกันและความคุ้มครองที่คุณจะได้รับ ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุหรือความเสียหาย บริษัทประกันภัยอาจปฏิเสธการจ่ายค่าสินไหมหากพบว่าสีรถไม่ตรงกับทะเบียน

ระยะเวลาในการแจ้งเปลี่ยนสีรถ

ตามกฎหมายของประเทศไทย เมื่อมีการเปลี่ยนสีรถยนต์ เจ้าของรถต้องทำการแจ้งเปลี่ยนสีรถกับกรมขนส่งภายใน 7 วัน นับจากวันที่เปลี่ยนสีเสร็จเรียบร้อย การไม่แจ้งเปลี่ยนสีรถภายในระยะเวลาที่กำหนดอาจถูกปรับตามกฎหมาย ดังนั้น การทำตามขั้นตอนและกำหนดเวลาที่ถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม

แจ้งเปลี่ยนสีรถผ่านออนไลน์ได้หรือไม่

ปัจจุบันกรมขนส่งทางบกของประเทศไทยยังไม่มีบริการแจ้งเปลี่ยนสีรถออนไลน์โดยตรง ผู้ที่ต้องการแจ้งเปลี่ยนสีรถยังคงต้องไปที่สำนักงานขนส่งเพื่อดำเนินการ อย่างไรก็ตาม บางส่วนของกระบวนการอาจสามารถทำออนไลน์ได้ เช่น การจองคิวล่วงหน้า ซึ่งช่วยลดเวลาที่ต้องใช้ในการรอคิวที่สำนักงานขนส่ง

เอกสารที่จำเป็นในการแจ้งเปลี่ยนสีรถ

1. ใบคู่มือจดทะเบียนรถยนต์:

เอกสารนี้แสดงข้อมูลที่สำคัญเกี่ยวกับรถยนต์ของคุณ รวมถึงรายละเอียดเกี่ยวกับเจ้าของรถ สีรถ และข้อมูลอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง

2. บัตรประชาชนของเจ้าของรถยนต์:

สำเนาบัตรประชาชนหรือบัตรประจำตัวอื่นที่มีข้อมูลที่สามารถยืนยันตัวตนของเจ้าของรถได้

3. ใบรับรองการเปลี่ยนสีจากอู่หรือสถานที่ทำสี:

ใบรับรองหรือเอกสารยืนยันจากอู่หรือสถานที่ที่ทำการเปลี่ยนสีรถ แสดงว่าได้ทำการเปลี่ยนสีรถจริง

4. รูปถ่ายรถที่แสดงให้เห็นสีใหม่อย่างชัดเจน:

รูปถ่ายของรถที่แสดงให้เห็นสีใหม่ที่ได้ทำการเปลี่ยน แนะนำให้ถ่ายรูปจากหลายมุมเพื่อให้เห็นสีของรถอย่างชัดเจน

5. เอกสารเพิ่มเติม (ถ้ามี):

หากมีการเปลี่ยนแปลงอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการแจ้งเปลี่ยนสีรถ อาจต้องเตรียมเอกสารเพิ่มเติมตามที่กรมขนส่งกำหนด

เอกสารที่จำเป็น

1. ใบคู่มือจดทะเบียนรถยนต์:

เอกสารนี้แสดงข้อมูลที่สำคัญเกี่ยวกับรถยนต์ของคุณ รวมถึงรายละเอียดเกี่ยวกับเจ้าของรถ สีรถ และข้อมูลอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง

2. บัตรประชาชนของเจ้าของรถยนต์:

สำเนาบัตรประชาชนหรือบัตรประจำตัวอื่นที่มีข้อมูลที่สามารถยืนยันตัวตนของเจ้าของรถได้


3.บัตรประชาชนของผู้รับมอบอำนาจ:

สำเนาบัตรประชาชนของผู้ที่ได้รับมอบอำนาจให้ดำเนินการแทนเจ้าของรถ


4. ใบรับรองการเปลี่ยนสีจากอู่หรือสถานที่ทำสี
:

ใบรับรองหรือเอกสารยืนยันจากอู่หรือสถานที่ที่ทำการเปลี่ยนสีรถ แสดงว่าได้ทำการเปลี่ยนสีรถยนต์จริง


5. รูปถ่ายรถที่แสดงให้เห็นสีใหม่อย่างชัดเจน
:

รูปถ่ายของรถที่แสดงให้เห็นสีใหม่ที่ได้ทำการเปลี่ยน แนะนำให้ถ่ายรูปจากหลายมุมเพื่อให้เห็นสีของรถอย่างชัดเจน


6. หนังสือมอบอำนาจ
:

หนังสือที่เจ้าของรถยนต์ได้ลงนามมอบอำนาจให้บุคคลอื่นดำเนินการแทน ควรมีการประทับตราหรือเซ็นชื่อรับรองจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

7. เอกสารเพิ่มเติม (ถ้ามี)
:
หากมีการเปลี่ยนแปลงอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการแจ้งเปลี่ยนสีรถ อาจต้องเตรียมเอกสารเพิ่มเติมตามที่กรมขนส่งกำหนด


การแจ้งเปลี่ยนสีรถมีกี่ขัั้นตอน ต้องปฏิบัติอย่างไร

การแจ้งเปลี่ยนสีรถกับกรมขนส่งมีขั้นตอนที่ชัดเจนและไม่ซับซ้อน หากปฏิบัติตามอย่างถูกต้องจะช่วยให้กระบวนการเป็นไปอย่างราบรื่นและรวดเร็ว ขั้นตอนหลัก ๆ ในการแจ้งเปลี่ยนสีรถมีดังนี้:

ขั้นตอนที่ 1: เตรียมเอกสารที่จำเป็น

ก่อนที่จะไปยังกรมขนส่งเพื่อแจ้งเปลี่ยนสีรถ ควรเตรียมเอกสารที่จำเป็นให้ครบถ้วนเพื่อความรวดเร็วในกระบวนการ เอกสารที่จำเป็นได้แก่:

1. ใบคู่มือจดทะเบียนรถยนต์
2. บัตรประชาชนของเจ้าของรถยนต์ หรือสำเนาบัตรประชาชนกรณีผู้รับมอบอำนาจ
3. ใบรับรองการเปลี่ยนสีจากอู่หรือสถานที่ทำสี
4. รูปถ่ายรถที่แสดงให้เห็นสีใหม่อย่างชัดเจน
5. หนังสือมอบอำนาจ (กรณีไม่ใช่เจ้าของรถเป็นผู้ดำเนินการ)

ขั้นตอนที่ 2: จองคิวล่วงหน้า (ถ้ามี)

ในบางพื้นที่ กรมขนส่งอาจมีบริการจองคิวล่วงหน้าผ่านระบบออนไลน์ การจองคิวล่วงหน้าจะช่วยลดเวลาที่ต้องใช้ในการรอคิวที่สำนักงานขนส่ง คุณสามารถตรวจสอบและจองคิวล่วงหน้าได้จากเว็บไซต์ของกรมขนส่งทางบกหรือแอปพลิเคชันที่เกี่ยวข้อง

ขั้นตอนที่ 3: เข้ารับบริการที่กรมขนส่ง

นำเอกสารทั้งหมดที่เตรียมไว้ไปยื่นที่กรมขนส่งที่ใกล้บ้าน เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบและบันทึกข้อมูลการเปลี่ยนสีลงในระบบ คุณอาจต้องกรอกแบบฟอร์มเพิ่มเติมหรือให้ข้อมูลเพิ่มเติมตามที่เจ้าหน้าที่ขอ

ขั้นตอนที่ 4: ชำระค่าธรรมเนียม

การแจ้งเปลี่ยนสีรถอาจมีค่าธรรมเนียมที่ต้องชำระ ซึ่งค่าธรรมเนียมนี้ขึ้นอยู่กับนโยบายของกรมขนส่งในแต่ละพื้นที่ ตรวจสอบกับเจ้าหน้าที่กรมขนส่งในเรื่องนี้เพื่อให้มั่นใจว่าคุณมีเงินเพียงพอสำหรับการดำเนินการ

ขั้นตอนที่ 5: รอรับเอกสารใหม่

หลังจากการตรวจสอบและบันทึกข้อมูลเสร็จสิ้น เจ้าหน้าที่จะออกใบคู่มือจดทะเบียนรถยนต์ฉบับใหม่ที่แสดงข้อมูลสีรถที่ถูกต้องให้กับคุณ ระยะเวลาในการรับเอกสารใหม่อาจใช้เวลาระหว่าง 1-2 วันทำการ ขึ้นอยู่กับกระบวนการของกรมขนส่งในแต่ละพื้นที่

การแจ้งเปลี่ยนสีรถมีทั้งหมด 5 ขั้นตอนหลัก ซึ่งประกอบไปด้วยการเตรียมเอกสารที่จำเป็น การจองคิวล่วงหน้า (ถ้ามี) การเข้ารับบริการที่กรมขนส่ง การชำระค่าธรรมเนียม และการรอรับเอกสารใหม่ การทำตามขั้นตอนเหล่านี้อย่างถูกต้องจะช่วยให้คุณสามารถดำเนินการได้อย่างรวดเร็วและไม่มีปัญหา การแจ้งเปลี่ยนสีรถไม่เพียงแค่ช่วยป้องกันการถูกปรับ แต่ยังเป็นการแสดงถึงความรับผิดชอบต่อสังคมและการทำตามกฎหมาย


ค่าธรรมเนียมในการแจ้งเปลี่ยนสีรถบรรทุก

การแจ้งเปลี่ยนสีรถบรรทุกที่กรมขนส่งมีค่าธรรมเนียมที่ต้องชำระเช่นเดียวกับรถยนต์ทั่วไป โดยค่าธรรมเนียมเหล่านี้อาจแตกต่างกันไปตามนโยบายและพื้นที่ของกรมขนส่งแต่ละจังหวัด อย่างไรก็ตาม โดยทั่วไปค่าธรรมเนียมสำหรับการแจ้งเปลี่ยนสีรถบรรทุกประกอบด้วย:

1. ค่าตรวจสภาพรถบรรทุก
:

ค่าตรวจสภาพรถเพื่อยืนยันว่าการเปลี่ยนสีรถเป็นไปตามมาตรฐานและข้อกำหนด โดยปกติจะอยู่ที่ประมาณ 50-100 บาท


2. ค่าธรรมเนียมการแก้ไขรายการในทะเบียนรถบรรทุก
:

ค่าธรรมเนียมสำหรับการแก้ไขข้อมูลในทะเบียนรถเพื่อเปลี่ยนแปลงข้อมูลสีรถจะอยู่ที่ประมาณ 50 บาท


3. ค่าธรรมเนียมอื่น ๆ
:

อาจมีค่าธรรมเนียมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการ เช่น ค่าพิมพ์เอกสารหรือค่าบริการเพิ่มเติม ซึ่งสามารถตรวจสอบได้ที่กรมขนส่งในพื้นที่ของคุณ

โดยรวมแล้ว ค่าธรรมเนียมการแจ้งเปลี่ยนสีรถบรรทุกจะอยู่ในช่วงประมาณ 100-200 บาท ขึ้นอยู่กับแต่ละพื้นที่และเงื่อนไขเพิ่มเติมที่อาจมีอยู่ในกรมขนส่งของแต่ละจังหวัด

ข้อควรรู้เพิ่มเติม

1. ควรตรวจสอบข้อมูลและค่าธรรมเนียมกับกรมขนส่งในพื้นที่ของคุณก่อนดำเนินการ เพื่อให้ทราบถึงค่าใช้จ่ายที่แน่นอน

2.การเตรียมเอกสารให้ครบถ้วนและเตรียมตัวล่วงหน้าจะช่วยให้กระบวนการเป็นไปอย่างราบรื่นและไม่มีปัญหา


เปลี่ยนสีรถแล้ว ต้องตรวจสภาพรถหรือไม่

การแจ้งเปลี่ยนสีรถจำเป็นต้องผ่านกระบวนการตรวจสภาพรถ ซึ่งเป็นขั้นตอนที่กรมขนส่งทางบกใช้เพื่อตรวจสอบว่าการเปลี่ยนสีรถเป็นไปตามมาตรฐานและข้อกำหนด นี่คือข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการตรวจสภาพรถในกรณีแจ้งเปลี่ยนสีรถ

ทำไมต้องตรวจสภาพรถเมื่อแจ้งเปลี่ยนสี

1. ความถูกต้องของข้อมูลในทะเบียนรถ: การตรวจสภาพรถช่วยให้กรมขนส่งสามารถยืนยันว่าข้อมูลสีรถในทะเบียนตรงกับสภาพจริงของรถ

2. ความปลอดภัยและมาตรฐาน
: การตรวจสภาพรถทำให้มั่นใจได้ว่าการเปลี่ยนสีรถไม่ได้ส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยหรือมาตรฐานของรถ

3. ป้องกันการปลอมแปลง
: การตรวจสภาพรถช่วยป้องกันการปลอมแปลงและการกระทำที่ผิดกฎหมาย


ขั้นตอนการตรวจสภาพรถ

1. เตรียมเอกสารที่จำเป็น:

- ใบคู่มือจดทะเบียนรถยนต์
- บัตรประชาชนของเจ้าของรถยนต์ หรือสำเนาบัตรประชาชนกรณีผู้รับมอบอำนาจ
- ใบรับรองการเปลี่ยนสีจากอู่หรือสถานที่ทำสี
- รูปถ่ายรถที่แสดงให้เห็นสีใหม่อย่างชัดเจน
- หนังสือมอบอำนาจ (กรณีไม่ใช่เจ้าของรถเป็นผู้ดำเนินการ)

2. นำรถไปตรวจสภาพที่กรมขนส่งหรือสถานตรวจสภาพที่ได้รับการรับรอง:

- เจ้าหน้าที่จะทำการตรวจสภาพรถเพื่อตรวจสอบว่าการเปลี่ยนสีรถเป็นไปตามมาตรฐานและข้อกำหนด


3. รับใบรับรองการตรวจสภาพรถ
:

- หลังจากการตรวจสภาพรถ เจ้าหน้าที่จะออกใบรับรองการตรวจสภาพรถให้

การแจ้งเปลี่ยนสีรถจำเป็นต้องผ่านการตรวจสภาพรถเพื่อยืนยันว่าข้อมูลในทะเบียนรถตรงกับสภาพจริงของรถ และเพื่อความปลอดภัยและมาตรฐาน การเตรียมเอกสารให้ครบถ้วนและเตรียมตัวล่วงหน้าจะช่วยให้กระบวนการเป็นไปอย่างราบรื่นและไม่มีปัญหา

การแจ้งเปลี่ยนสีรถโดยไม่มีใบเสร็จ ต้องทำอย่างไร

หากคุณต้องการแจ้งเปลี่ยนสีรถแต่ไม่มีใบเสร็จหรือหลักฐานการจัดซื้อบริการทำสีจากอู่หรือสถานที่ทำสี คุณสามารถดำเนินการตามขั้นตอนต่อไปนี้:

การแจ้งเปลี่ยนสีรถโดยไม่มีใบเสร็จ

1. ติดต่ออู่หรือสถานที่ทำสีที่ทำการแต่งเพื่อขอหลักฐานการจัดซื้อบริการทำสี:

หากคุณไม่มีใบเสร็จหรือหลักฐานการจัดซื้อบริการทำสีจากอู่หรือสถานที่ทำสี คุณสามารถติดต่อกับอู่หรือสถานที่ทำสีที่คุณใช้บริการมาก่อนเพื่อขอใบเสร็จหรือหลักฐานการจัดซื้อ


2. ขอใบรับรองการทำสีจากอู่หรือสถานที่ทำสี
:

หากไม่สามารถขอใบเสร็จหรือหลักฐานการจัดซื้อได้ คุณสามารถขอใบรับรองการทำสีจากอู่หรือสถานที่ทำสีที่คุณใช้บริการ โดยใบรับรองนี้จะระบุถึงการทำสีที่เกิดขึ้นกับรถของคุณ


3. แจ้งเปลี่ยนสีรถที่กรมขนส่ง
:

พร้อมกับใบรับรองการทำสีหรือหลักฐานการจัดซื้อที่ได้รับมา คุณสามารถนำเอกสารทั้งหมดไปยื่นที่สำนักงานของกรมขนส่งใกล้บ้าน และแจ้งเปลี่ยนสีรถตามขั้นตอนที่กำหนดไว้ก่อนหน้านี้


ไม่แจ้งเปลี่ยนสีรถ ผิดกฏหมายอะไรบ้าง

การไม่แจ้งเปลี่ยนสีรถในกรณีที่ได้มีการทำการเปลี่ยนสีจริง ๆ แต่ไม่ได้แจ้งให้กรมขนส่งทราบ เป็นการฝ่าฝืนกฎหมายทางด้านการจดทะเบียนรถ ซึ่งอาจทำให้เกิดผลเสียต่อคุณได้ดังนี้

1. การฝ่าฝืนกฎหมาย: การไม่แจ้งเปลี่ยนสีรถทำให้เกิดการละเมิดกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการจดทะเบียนรถ ซึ่งอาจทำให้คุณต้องเผชิญกับการปรับอาญาหรือค่าปรับทางเงิน

2. ปัญหาในการประกันภัย: การไม่มีการแจ้งเปลี่ยนสีรถให้กับบริษัทประกันอาจทำให้คุณไม่ได้รับความคุ้มครองจากกรมธรรม์ประกันภัยในกรณีเกิดอุบัติเหตุหรือเหตุการณ์อื่นที่เกี่ยวข้องกับรถ

3. ปัญหาในการขายหรือโอนสิทธิ์รถ: การไม่มีการแจ้งเปลี่ยนสีรถอาจทำให้กระบวนการขายหรือโอนสิทธิ์รถติดขัดหรือไม่สามารถดำเนินการได้ตามปกติ

หากคุณไม่แจ้งเปลี่ยนสีรถภายใน 7 วันตามกฎหมายที่กำหนด ผู้ถือกรรมสิทธิ์รถอาจมีความผิดตามมาตรา 60 และอาจต้องจ่ายค่าปรับไม่เกิน 2,000 บาท ดังนั้น เมื่อทำการทำสีรถใหม่ ควรแจ้งเปลี่ยนสีโดยเร็วที่สุด เพื่อป้องกันไม่ให้ลืมหรือต้องทำรายการได้ยาก

แต่หากคุณไม่สะดวกจริง ๆ แนะนำให้มอบอำนาจให้บุคคลที่ไว้วางใจเพื่อช่วยดำเนินการแทน พร้อมเตรียมเอกสารอย่างครบถ้วนเพื่อความราบรื่นในการติดต่อกับหน่วยงานขนส่ง

ไม่แจ้งเปลี่ยนสีรถ ผิดกฏหมายอะไรบ้าง

เนื่องจากการแจ้งเปลี่ยนสีรถต้องใช้เล่มทะเบียนตัวจริงเพื่อแก้ไขข้อมูล ในกรณีที่รถยังติดไฟแนนซ์อยู่ มีความสงสัยว่าสามารถเข้าไปแจ้งเปลี่ยนสีได้หรือไม่ หากแน่ใจว่าสามารถทำได้แล้ว มีวิธีการหลัก ๆ ดังนี้

1. ใช้สำเนาทะเบียนรถแทนเล่มจริง: เพื่อทำการแจ้งเปลี่ยนสีรถได้ หลังจากที่ได้ทำการแจ้งเรียบร้อยกับกรมขนส่ง คุณต้องติดต่อกับไฟแนนซ์เพื่อขอให้เปลี่ยนข้อมูลในเล่มจริง ซึ่งอาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมประมาณ 500 บาท

2. ใช้การวางเงินมัดจำกับไฟแนนซ์: เพื่อขอเล่มทะเบียนตัวจริงเพื่อทำการแจ้งเปลี่ยนสีรถกับกรมขนส่ง หลังจากที่เสร็จสิ้นกระบวนการนี้ คุณสามารถนำเล่มทะเบียนไปคืนและขอคืนเงินมัดจำได้

สำหรับผู้ที่มีความสะดวกทางการเงินที่เพียงพอ สามารถเลือกวิธีการวางมัดจำเพื่อขอเล่มจริงมาติดต่อแจ้งเปลี่ยนสีรถกับกรมขนส่งได้โดยตรง ซึ่งจะช่วยลดความยุ่งยากในการติดต่อกับไฟแนนซ์ในภายหลัง

ดังนั้น ผู้ใช้รถทุกคนควรรีบทำการแจ้งเปลี่ยนสีรถทันทีหากทำการเปลี่ยนสีมาแล้วเกิน 30% ของพื้นที่ตัวรถ เพื่อหลีกเลี่ยงค่าปรับสูงสุดถึง 2,000 บาทและไม่ลืมเตรียมเอกสารไว้เพื่อความสะดวกในการดำเนินการต่อไป

สุดท้ายนี้ถ้าใครยังไม่มีประกันรถบรรทุกและประกันรถยนต์ คอยดูแลตลอดเวลาที่ขับขี่ ไมโครอินชัวร์ โบรกเกอร์ มีประกันรถบรรทุก และ ประกันรถยนต์ให้บริการอย่างครบถ้วนไม่ว่าจะเป็นชั้น 1 ที่ค่าเบี้ยประกันเริ่มต้นสุดคุ้ม ไปจนถึงประกันประเภทอื่นเราก็มีให้เลือกอย่างครบวงจร ไม่ต้องมีบัตรเครดิตก็ผ่อนได้ ดอกเบี้ย 0%  ผ่อนนานสูงสุด 6 - 10 เดือน และไม่จำกัดอายุรถ หากสนใจอยากติดต่อสอบถามเพิ่มเติม โทรได้ที่เบอร์ 034-109-228 ต่อ 5101-5102, โทร. 063-227-0444 ,โทร. 092-260-2727,โทร. 082-258-2882 หรือ หรือแอดไลน์มาที่ @mib.broker

ติดตามข่าวสารและกิจกรรมของ ไมโครลิสซิ่ง ขวัญใจสิบล้อ
Website: https://www.microleasingplc.com
Tiktok: https://www.tiktok.com/@microleasing
Facebook : https://www.facebook.com/Microleasing
Youtube : https://www.youtube.com/@microleasing
Line Official Account: @microleasing
MICRO Call Center: 021055599