การทำสีรถใหม่ไม่ว่าจะเป็นรถเก่าหรือใหม่ หากมีการเปลี่ยนแปลงสีจากที่แจ้งไว้ในทะเบียน จะต้องทำการแจ้งเปลี่ยนสีรถกับกรมขนส่งอีกครั้ง ไม่เช่นนั้นจะถือว่าผิดกฎหมาย นี่คือเหตุผลพื้นฐานที่ผู้ใช้รถทุกคนควรทราบเกี่ยวกับกระบวนการแจ้งเปลี่ยนสีรถเพื่อให้ดำเนินการได้ถูกต้องครบถ้วน เมื่อเจ้าหน้าที่เรียกตรวจสอบจะได้ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการถูกปรับ
เพื่อให้มั่นใจว่าการแจ้งเปลี่ยนสีเป็นไปตามกฎหมายอย่างถูกต้อง ผู้ใช้รถสามารถศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับการแจ้งเปลี่ยนสีรถได้จากหัวข้อต่าง ๆ ดังนี้
ทำไมต้องแจ้งเปลี่ยนสีรถกับกรมขนส่งทางบก
การแจ้งเปลี่ยนสีรถเป็นการทำให้ข้อมูลในทะเบียนรถยนต์ตรงกับความเป็นจริง หากมีการเปลี่ยนแปลงสีรถแต่ไม่มีการแจ้งต่อกรมขนส่ง การขับรถที่มีสีไม่ตรงกับข้อมูลในทะเบียนจะถือว่าผิดกฎหมาย และอาจนำไปสู่การถูกปรับหรือมีปัญหาในการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
1. ป้องกันการทำผิดกฎหมาย
การแจ้งเปลี่ยนสีรถเป็นการทำให้ข้อมูลในทะเบียนรถยนต์ตรงกับความเป็นจริง หากมีการเปลี่ยนแปลงสีรถแต่ไม่มีการแจ้งต่อกรมขนส่ง การขับรถที่มีสีไม่ตรงกับข้อมูลในทะเบียนจะถือว่าผิดกฎหมาย และอาจนำไปสู่การถูกปรับหรือมีปัญหาในการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
2. การตรวจสอบและความปลอดภัย
การที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถตรวจสอบข้อมูลในทะเบียนรถยนต์และสีของรถได้อย่างถูกต้องมีความสำคัญในการรักษาความปลอดภัย หากรถถูกขโมยหรือมีการใช้รถในการกระทำผิด การมีข้อมูลสีรถที่ถูกต้องจะช่วยให้เจ้าหน้าที่สามารถติดตามและตรวจสอบได้ง่ายขึ้น
3. การประกันภัยและความคุ้มครอง
บริษัทประกันภัยมักจะใช้ข้อมูลจากทะเบียนรถในการคำนวณค่าเบี้ยประกันภัย การที่สีรถไม่ตรงกับทะเบียนอาจส่งผลต่อการประเมินค่าเบี้ยประกันและความคุ้มครองที่คุณจะได้รับ ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุหรือความเสียหาย บริษัทประกันภัยอาจปฏิเสธการจ่ายค่าสินไหมหากพบว่าสีรถไม่ตรงกับทะเบียน
ระยะเวลาในการแจ้งเปลี่ยนสีรถ
ตามกฎหมายของประเทศไทย เมื่อมีการเปลี่ยนสีรถยนต์ เจ้าของรถต้องทำการแจ้งเปลี่ยนสีรถกับกรมขนส่งภายใน 7 วัน นับจากวันที่เปลี่ยนสีเสร็จเรียบร้อย การไม่แจ้งเปลี่ยนสีรถภายในระยะเวลาที่กำหนดอาจถูกปรับตามกฎหมาย ดังนั้น การทำตามขั้นตอนและกำหนดเวลาที่ถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม
แจ้งเปลี่ยนสีรถผ่านออนไลน์ได้หรือไม่
ปัจจุบันกรมขนส่งทางบกของประเทศไทยยังไม่มีบริการแจ้งเปลี่ยนสีรถออนไลน์โดยตรง ผู้ที่ต้องการแจ้งเปลี่ยนสีรถยังคงต้องไปที่สำนักงานขนส่งเพื่อดำเนินการ อย่างไรก็ตาม บางส่วนของกระบวนการอาจสามารถทำออนไลน์ได้ เช่น การจองคิวล่วงหน้า ซึ่งช่วยลดเวลาที่ต้องใช้ในการรอคิวที่สำนักงานขนส่ง
เอกสารที่จำเป็นในการแจ้งเปลี่ยนสีรถ
1. ใบคู่มือจดทะเบียนรถยนต์:
เอกสารนี้แสดงข้อมูลที่สำคัญเกี่ยวกับรถยนต์ของคุณ รวมถึงรายละเอียดเกี่ยวกับเจ้าของรถ สีรถ และข้อมูลอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง2. บัตรประชาชนของเจ้าของรถยนต์:
สำเนาบัตรประชาชนหรือบัตรประจำตัวอื่นที่มีข้อมูลที่สามารถยืนยันตัวตนของเจ้าของรถได้3. ใบรับรองการเปลี่ยนสีจากอู่หรือสถานที่ทำสี:
ใบรับรองหรือเอกสารยืนยันจากอู่หรือสถานที่ที่ทำการเปลี่ยนสีรถ แสดงว่าได้ทำการเปลี่ยนสีรถจริง4. รูปถ่ายรถที่แสดงให้เห็นสีใหม่อย่างชัดเจน:
รูปถ่ายของรถที่แสดงให้เห็นสีใหม่ที่ได้ทำการเปลี่ยน แนะนำให้ถ่ายรูปจากหลายมุมเพื่อให้เห็นสีของรถอย่างชัดเจน5. เอกสารเพิ่มเติม (ถ้ามี):
หากมีการเปลี่ยนแปลงอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการแจ้งเปลี่ยนสีรถ อาจต้องเตรียมเอกสารเพิ่มเติมตามที่กรมขนส่งกำหนดเอกสารที่จำเป็น
1. ใบคู่มือจดทะเบียนรถยนต์:
เอกสารนี้แสดงข้อมูลที่สำคัญเกี่ยวกับรถยนต์ของคุณ รวมถึงรายละเอียดเกี่ยวกับเจ้าของรถ สีรถ และข้อมูลอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง2. บัตรประชาชนของเจ้าของรถยนต์:
สำเนาบัตรประชาชนหรือบัตรประจำตัวอื่นที่มีข้อมูลที่สามารถยืนยันตัวตนของเจ้าของรถได้
3.บัตรประชาชนของผู้รับมอบอำนาจ:
สำเนาบัตรประชาชนของผู้ที่ได้รับมอบอำนาจให้ดำเนินการแทนเจ้าของรถ
4. ใบรับรองการเปลี่ยนสีจากอู่หรือสถานที่ทำสี:
5. รูปถ่ายรถที่แสดงให้เห็นสีใหม่อย่างชัดเจน:
6. หนังสือมอบอำนาจ:
7. เอกสารเพิ่มเติม (ถ้ามี):
หากมีการเปลี่ยนแปลงอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการแจ้งเปลี่ยนสีรถ อาจต้องเตรียมเอกสารเพิ่มเติมตามที่กรมขนส่งกำหนด
การแจ้งเปลี่ยนสีรถมีกี่ขัั้นตอน ต้องปฏิบัติอย่างไร
การแจ้งเปลี่ยนสีรถกับกรมขนส่งมีขั้นตอนที่ชัดเจนและไม่ซับซ้อน หากปฏิบัติตามอย่างถูกต้องจะช่วยให้กระบวนการเป็นไปอย่างราบรื่นและรวดเร็ว ขั้นตอนหลัก ๆ ในการแจ้งเปลี่ยนสีรถมีดังนี้:
ขั้นตอนที่ 1: เตรียมเอกสารที่จำเป็น
ก่อนที่จะไปยังกรมขนส่งเพื่อแจ้งเปลี่ยนสีรถ ควรเตรียมเอกสารที่จำเป็นให้ครบถ้วนเพื่อความรวดเร็วในกระบวนการ เอกสารที่จำเป็นได้แก่:
1. ใบคู่มือจดทะเบียนรถยนต์2. บัตรประชาชนของเจ้าของรถยนต์ หรือสำเนาบัตรประชาชนกรณีผู้รับมอบอำนาจ
3. ใบรับรองการเปลี่ยนสีจากอู่หรือสถานที่ทำสี
4. รูปถ่ายรถที่แสดงให้เห็นสีใหม่อย่างชัดเจน
5. หนังสือมอบอำนาจ (กรณีไม่ใช่เจ้าของรถเป็นผู้ดำเนินการ)
ขั้นตอนที่ 2: จองคิวล่วงหน้า (ถ้ามี)
ในบางพื้นที่ กรมขนส่งอาจมีบริการจองคิวล่วงหน้าผ่านระบบออนไลน์ การจองคิวล่วงหน้าจะช่วยลดเวลาที่ต้องใช้ในการรอคิวที่สำนักงานขนส่ง คุณสามารถตรวจสอบและจองคิวล่วงหน้าได้จากเว็บไซต์ของกรมขนส่งทางบกหรือแอปพลิเคชันที่เกี่ยวข้อง
ขั้นตอนที่ 3: เข้ารับบริการที่กรมขนส่ง
นำเอกสารทั้งหมดที่เตรียมไว้ไปยื่นที่กรมขนส่งที่ใกล้บ้าน เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบและบันทึกข้อมูลการเปลี่ยนสีลงในระบบ คุณอาจต้องกรอกแบบฟอร์มเพิ่มเติมหรือให้ข้อมูลเพิ่มเติมตามที่เจ้าหน้าที่ขอ
ขั้นตอนที่ 4: ชำระค่าธรรมเนียม
การแจ้งเปลี่ยนสีรถอาจมีค่าธรรมเนียมที่ต้องชำระ ซึ่งค่าธรรมเนียมนี้ขึ้นอยู่กับนโยบายของกรมขนส่งในแต่ละพื้นที่ ตรวจสอบกับเจ้าหน้าที่กรมขนส่งในเรื่องนี้เพื่อให้มั่นใจว่าคุณมีเงินเพียงพอสำหรับการดำเนินการ
ขั้นตอนที่ 5: รอรับเอกสารใหม่
ค่าธรรมเนียมในการแจ้งเปลี่ยนสีรถบรรทุก
การแจ้งเปลี่ยนสีรถบรรทุกที่กรมขนส่งมีค่าธรรมเนียมที่ต้องชำระเช่นเดียวกับรถยนต์ทั่วไป โดยค่าธรรมเนียมเหล่านี้อาจแตกต่างกันไปตามนโยบายและพื้นที่ของกรมขนส่งแต่ละจังหวัด อย่างไรก็ตาม โดยทั่วไปค่าธรรมเนียมสำหรับการแจ้งเปลี่ยนสีรถบรรทุกประกอบด้วย:
1. ค่าตรวจสภาพรถบรรทุก:
2. ค่าธรรมเนียมการแก้ไขรายการในทะเบียนรถบรรทุก:
3. ค่าธรรมเนียมอื่น ๆ:
โดยรวมแล้ว ค่าธรรมเนียมการแจ้งเปลี่ยนสีรถบรรทุกจะอยู่ในช่วงประมาณ 100-200 บาท ขึ้นอยู่กับแต่ละพื้นที่และเงื่อนไขเพิ่มเติมที่อาจมีอยู่ในกรมขนส่งของแต่ละจังหวัด
ข้อควรรู้เพิ่มเติม
1. ควรตรวจสอบข้อมูลและค่าธรรมเนียมกับกรมขนส่งในพื้นที่ของคุณก่อนดำเนินการ เพื่อให้ทราบถึงค่าใช้จ่ายที่แน่นอน2.การเตรียมเอกสารให้ครบถ้วนและเตรียมตัวล่วงหน้าจะช่วยให้กระบวนการเป็นไปอย่างราบรื่นและไม่มีปัญหา
เปลี่ยนสีรถแล้ว ต้องตรวจสภาพรถหรือไม่
การแจ้งเปลี่ยนสีรถจำเป็นต้องผ่านกระบวนการตรวจสภาพรถ ซึ่งเป็นขั้นตอนที่กรมขนส่งทางบกใช้เพื่อตรวจสอบว่าการเปลี่ยนสีรถเป็นไปตามมาตรฐานและข้อกำหนด นี่คือข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการตรวจสภาพรถในกรณีแจ้งเปลี่ยนสีรถ
ทำไมต้องตรวจสภาพรถเมื่อแจ้งเปลี่ยนสี
1. ความถูกต้องของข้อมูลในทะเบียนรถ: การตรวจสภาพรถช่วยให้กรมขนส่งสามารถยืนยันว่าข้อมูลสีรถในทะเบียนตรงกับสภาพจริงของรถ2. ความปลอดภัยและมาตรฐาน: การตรวจสภาพรถทำให้มั่นใจได้ว่าการเปลี่ยนสีรถไม่ได้ส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยหรือมาตรฐานของรถ
3. ป้องกันการปลอมแปลง: การตรวจสภาพรถช่วยป้องกันการปลอมแปลงและการกระทำที่ผิดกฎหมาย
ขั้นตอนการตรวจสภาพรถ
1. เตรียมเอกสารที่จำเป็น:
- ใบคู่มือจดทะเบียนรถยนต์- บัตรประชาชนของเจ้าของรถยนต์ หรือสำเนาบัตรประชาชนกรณีผู้รับมอบอำนาจ
- ใบรับรองการเปลี่ยนสีจากอู่หรือสถานที่ทำสี
- รูปถ่ายรถที่แสดงให้เห็นสีใหม่อย่างชัดเจน
- หนังสือมอบอำนาจ (กรณีไม่ใช่เจ้าของรถเป็นผู้ดำเนินการ)
2. นำรถไปตรวจสภาพที่กรมขนส่งหรือสถานตรวจสภาพที่ได้รับการรับรอง:
- เจ้าหน้าที่จะทำการตรวจสภาพรถเพื่อตรวจสอบว่าการเปลี่ยนสีรถเป็นไปตามมาตรฐานและข้อกำหนด
3. รับใบรับรองการตรวจสภาพรถ:
การแจ้งเปลี่ยนสีรถจำเป็นต้องผ่านการตรวจสภาพรถเพื่อยืนยันว่าข้อมูลในทะเบียนรถตรงกับสภาพจริงของรถ และเพื่อความปลอดภัยและมาตรฐาน การเตรียมเอกสารให้ครบถ้วนและเตรียมตัวล่วงหน้าจะช่วยให้กระบวนการเป็นไปอย่างราบรื่นและไม่มีปัญหา
การแจ้งเปลี่ยนสีรถโดยไม่มีใบเสร็จ ต้องทำอย่างไร
หากคุณต้องการแจ้งเปลี่ยนสีรถแต่ไม่มีใบเสร็จหรือหลักฐานการจัดซื้อบริการทำสีจากอู่หรือสถานที่ทำสี คุณสามารถดำเนินการตามขั้นตอนต่อไปนี้:
การแจ้งเปลี่ยนสีรถโดยไม่มีใบเสร็จ
1. ติดต่ออู่หรือสถานที่ทำสีที่ทำการแต่งเพื่อขอหลักฐานการจัดซื้อบริการทำสี:
หากคุณไม่มีใบเสร็จหรือหลักฐานการจัดซื้อบริการทำสีจากอู่หรือสถานที่ทำสี คุณสามารถติดต่อกับอู่หรือสถานที่ทำสีที่คุณใช้บริการมาก่อนเพื่อขอใบเสร็จหรือหลักฐานการจัดซื้อ
2. ขอใบรับรองการทำสีจากอู่หรือสถานที่ทำสี:
3. แจ้งเปลี่ยนสีรถที่กรมขนส่ง:
ไม่แจ้งเปลี่ยนสีรถ ผิดกฏหมายอะไรบ้าง
การไม่แจ้งเปลี่ยนสีรถในกรณีที่ได้มีการทำการเปลี่ยนสีจริง ๆ แต่ไม่ได้แจ้งให้กรมขนส่งทราบ เป็นการฝ่าฝืนกฎหมายทางด้านการจดทะเบียนรถ ซึ่งอาจทำให้เกิดผลเสียต่อคุณได้ดังนี้
1. การฝ่าฝืนกฎหมาย: การไม่แจ้งเปลี่ยนสีรถทำให้เกิดการละเมิดกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการจดทะเบียนรถ ซึ่งอาจทำให้คุณต้องเผชิญกับการปรับอาญาหรือค่าปรับทางเงิน
2. ปัญหาในการประกันภัย: การไม่มีการแจ้งเปลี่ยนสีรถให้กับบริษัทประกันอาจทำให้คุณไม่ได้รับความคุ้มครองจากกรมธรรม์ประกันภัยในกรณีเกิดอุบัติเหตุหรือเหตุการณ์อื่นที่เกี่ยวข้องกับรถ
3. ปัญหาในการขายหรือโอนสิทธิ์รถ: การไม่มีการแจ้งเปลี่ยนสีรถอาจทำให้กระบวนการขายหรือโอนสิทธิ์รถติดขัดหรือไม่สามารถดำเนินการได้ตามปกติ
หากคุณไม่แจ้งเปลี่ยนสีรถภายใน 7 วันตามกฎหมายที่กำหนด ผู้ถือกรรมสิทธิ์รถอาจมีความผิดตามมาตรา 60 และอาจต้องจ่ายค่าปรับไม่เกิน 2,000 บาท ดังนั้น เมื่อทำการทำสีรถใหม่ ควรแจ้งเปลี่ยนสีโดยเร็วที่สุด เพื่อป้องกันไม่ให้ลืมหรือต้องทำรายการได้ยาก
แต่หากคุณไม่สะดวกจริง ๆ แนะนำให้มอบอำนาจให้บุคคลที่ไว้วางใจเพื่อช่วยดำเนินการแทน พร้อมเตรียมเอกสารอย่างครบถ้วนเพื่อความราบรื่นในการติดต่อกับหน่วยงานขนส่ง
ไม่แจ้งเปลี่ยนสีรถ ผิดกฏหมายอะไรบ้าง
เนื่องจากการแจ้งเปลี่ยนสีรถต้องใช้เล่มทะเบียนตัวจริงเพื่อแก้ไขข้อมูล ในกรณีที่รถยังติดไฟแนนซ์อยู่ มีความสงสัยว่าสามารถเข้าไปแจ้งเปลี่ยนสีได้หรือไม่ หากแน่ใจว่าสามารถทำได้แล้ว มีวิธีการหลัก ๆ ดังนี้
1. ใช้สำเนาทะเบียนรถแทนเล่มจริง: เพื่อทำการแจ้งเปลี่ยนสีรถได้ หลังจากที่ได้ทำการแจ้งเรียบร้อยกับกรมขนส่ง คุณต้องติดต่อกับไฟแนนซ์เพื่อขอให้เปลี่ยนข้อมูลในเล่มจริง ซึ่งอาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมประมาณ 500 บาท
2. ใช้การวางเงินมัดจำกับไฟแนนซ์: เพื่อขอเล่มทะเบียนตัวจริงเพื่อทำการแจ้งเปลี่ยนสีรถกับกรมขนส่ง หลังจากที่เสร็จสิ้นกระบวนการนี้ คุณสามารถนำเล่มทะเบียนไปคืนและขอคืนเงินมัดจำได้
สำหรับผู้ที่มีความสะดวกทางการเงินที่เพียงพอ สามารถเลือกวิธีการวางมัดจำเพื่อขอเล่มจริงมาติดต่อแจ้งเปลี่ยนสีรถกับกรมขนส่งได้โดยตรง ซึ่งจะช่วยลดความยุ่งยากในการติดต่อกับไฟแนนซ์ในภายหลัง
ดังนั้น ผู้ใช้รถทุกคนควรรีบทำการแจ้งเปลี่ยนสีรถทันทีหากทำการเปลี่ยนสีมาแล้วเกิน 30% ของพื้นที่ตัวรถ เพื่อหลีกเลี่ยงค่าปรับสูงสุดถึง 2,000 บาทและไม่ลืมเตรียมเอกสารไว้เพื่อความสะดวกในการดำเนินการต่อไป
สุดท้ายนี้ถ้าใครยังไม่มีประกันรถบรรทุกและประกันรถยนต์ คอยดูแลตลอดเวลาที่ขับขี่ ไมโครอินชัวร์ โบรกเกอร์ มีประกันรถบรรทุก และ ประกันรถยนต์ให้บริการอย่างครบถ้วนไม่ว่าจะเป็นชั้น 1 ที่ค่าเบี้ยประกันเริ่มต้นสุดคุ้ม ไปจนถึงประกันประเภทอื่นเราก็มีให้เลือกอย่างครบวงจร ไม่ต้องมีบัตรเครดิตก็ผ่อนได้ ดอกเบี้ย 0% ผ่อนนานสูงสุด 6 - 10 เดือน และไม่จำกัดอายุรถ หากสนใจอยากติดต่อสอบถามเพิ่มเติม โทรได้ที่เบอร์ 034-109-228 ต่อ 5101-5102, โทร. 063-227-0444 ,โทร. 092-260-2727,โทร. 082-258-2882 หรือ หรือแอดไลน์มาที่ @mib.broker
ติดตามข่าวสารและกิจกรรมของ ไมโครลิสซิ่ง ขวัญใจสิบล้อ
Website: https://www.microleasingplc.com
Tiktok: https://www.tiktok.com/@microleasing
Facebook : https://www.facebook.com/Microleasing
Youtube : https://www.youtube.com/@microleasing
Line Official Account: @microleasing
MICRO Call Center: 021055599