คำถาม: พ.ร.บ. ต่างกับ ป้ายภาษีหรือไม่
คำตอบ: ป้ายภาษี กับ พ.ร.บ. รถยนต์ ไม่ใช่อันเดียวกัน

กฎหมายกำหนดให้รถทุกคันชำระค่าภาษีรถยนต์และทำพ.ร.บ. รถยนต์ ซึ่งทั้ง 2 อย่างมีการแยกประเภทแบบชัดเจนอยู่แล้ว แต่ก็อาจมีบางคนยังสับสนว่าระหว่างป้ายภาษี และ พ.ร.บ. นั้นต่างกันอย่างไร และมีไว้ทำไม วันนี้เราจะพาไปไขข้อข้องใจ ป้ายภาษี กับ พ.ร.บ. ไม่ใช่อันเดียวกัน! ใครยังสงสัยอยู่ ต้องดู!

ป้ายภาษีรถยนต์คืออะไร?

ป้ายภาษีรถยนต์ เป็นสิ่งที่ผู้ขับขี่ทุกคนต้องต่อทุกปีตามที่กฎหมายได้กำหนดไว้ เพื่อประกันความรู้สึกใจในการใช้งานรถยนต์ และมีสิทธิประโยชน์จากสวัสดิการที่รัฐบาลให้ในกรณีของอุบัติเหตุ หรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับรถยนต์ การชำระค่าภาษีรถยนต์นั้นเป็นเรื่องที่มีความสำคัญ หากไม่ต่อภาษีรถยนต์เกินกำหนด รถยนต์อาจถูกระงับทะเบียน ผู้ขับขี่จำเป็นต้องนำรถไปจดทะเบียนภาษีรถยนต์ใหม่ และบางครั้งอาจต้องเสียค่าภาษีย้อนหลังด้วย ดังนั้นการต่อภาษีรถยนต์ตรงเวลาเป็นสิ่งที่ควรให้ความสำคัญ และในปัจจุบันนั้นการต่อภาษีรถยนต์สามารถทำได้ก่อนหมดอายุไม่เกิน 3 เดือน และจะต้องทำพ.ร.บ. รถยนต์ ให้เสร็จก่อนการต่อภาษี เพื่อให้ได้รับป้ายภาษีสี่เหลี่ยมมาติดกระจกหน้ารถ ซึ่งหากถูกตรวจพบว่าไม่มีป้ายนี้ ผู้ขับขี่จะถูกปรับเป็นเงิน 400-1,000 บาท

พ.ร.บ. รถยนต์ คืออะไร?

พ.ร.บ. รถยนต์ เป็นประกันภัยภาคบังคับตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. 2535 ที่รถยนต์และรถจักรยานยนต์ทุกคันต้องทำไว้ เพื่อความปลอดภัยของผู้ขับขี่และผู้โดยสาร โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อคุ้มครองและให้ความช่วยเหลือในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุหรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับรถยนต์ ความคุ้มครองจะรวมถึงค่ารักษาพยาบาลและค่าประสงค์ในกรณีเสียชีวิต โดยภายในพ.ร.บ. รถยนต์จะระบุวงเงินที่คุ้มครองในกรณีนั้นๆ การมีพ.ร.บ. รถยนต์เป็นเอกสารที่สำคัญและควรเก็บไว้ให้ดี เนื่องจากเป็นเอกสารที่ต้องใช้ในกระบวนการต่อภาษีรถยนต์ด้วย หากถูกตรวจสอบแล้วไม่มีพ.ร.บ. รถยนต์ตามกฎหมาย ก็จะถูกปรับไม่เกิน 10,000 บาท และอาจส่งผลกระทบต่อความคุ้มครองที่จะได้รับในกรณีเกิดอุบัติเหตุ

สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ได้พูดถึงเหตุผลในการประกาศใช้กฎหมายว่า การที่รัฐออกกฎหมายกำหนดให้รถทุกคันต้องจัดให้มีประกันภัยอย่างน้อยที่สุด คือ การทำพรบ. รถยนต์ ตามที่ระบุไว้เพื่อคุ้มครองและให้ความช่วยเหลือแก่ประชาชนที่ได้รับความเสียหายเกิดขึ้นจากอุบัติเหตุ หรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับรถยนต์ ซึ่งพ.ร.บ. รถยนต์จะมีความคุ้มครองตามวงเงินที่ระบุในกรมธรรม์ของรถยนต์ประเภทนั้นๆ

ดังนั้นรถทุกคันจำเป็นต้องมี ป้ายภาษีรถยนต์ และ พ.ร.บ. รถยนต์ เพื่อการประกันภัยต่อตัวรถและบุคคล และที่สำคัญทั้ง 2 อย่างนี้ จำเป็นต้องทำทุกปีตามที่กฎหมายได้ระบุไว้ เพื่อความเชื่อมั่นในการใช้งานรถยนต์และการรับสวัสดิการจากกระทรวงยุติธรรมในกรณีฉุกเฉิน อย่างไรก็ตาม ควรระมัดระวังในการเก็บรักษาเอกสารที่สำคัญเหล่านี้ เพื่อความสะดวกและประโยชน์ในอนาคต

ความแตกต่างระหว่าง พ.ร.บ. รถยนต์ กับประกันรถยนต์

พ.ร.บ. รถยนต์ เป็นแบบไหนนั้น ความคุ้มครองด้านอุบัติเหตุบนท้องถนนที่พ.ร.บ. รถยนต์ให้ความคุ้มครองเฉพาะตัวผู้ขับขี่เท่านั้น แต่ไม่รวมถึงรถยนต์ และมีวงเงินคุ้มครองที่กำหนดไว้ตามกฎหมาย

ส่วนประกันรถยนต์ เป็นประกันภาคสมัครใจที่ผู้ขับขี่เลือกทำหรือไม่ทำก็ได้ ประกันรถยนต์ให้ความคุ้มครองทั้งตัวรถและผู้ขับขี่ การควบคุมจำนวนเงินคุ้มครองขึ้นอยู่กับแผนประกันและเงื่อนไขของบริษัทประกัน

ทำประกันรถยนต์แล้วไม่ต้องมี พ.ร.บ. รถยนต์ ได้หรือไม่?
คำตอบคือ ไม่ได้ เนื่องจากเป็นกฏหมายที่ต้องทำตามตามกฎหมาย พ.ร.บ. รถยนต์มีความคุ้มครองเฉพาะผู้ขับขี่เท่านั้นและมีสิทธิ์ในกรณีเกิดอุบัติเหตุ โดยค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลและค่าใช้จ่ายในกรณีเสียชีวิต แต่ถ้าไม่ต่ออายุ พ.ร.บ. รถยนต์จะไม่สามารถต่อภาษีทะเบียนรถยนต์ได้ และถูกต้องมีโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท ดังนั้นควรมีประกันรถยนต์ควบคู่กับ พ.ร.บ. เพื่อความคุ้มครองทั้งตัวรถและสิทธิ์ในกรณีฉุกเฉิน กระเป๋าสตางค์ของคุณจะปลอดภัยแน่นอนครับ

เพื่อให้คุณได้รับประกันรถยนต์ที่คุ้มค่าที่สุด และมีความคุ้มครองที่เหมาะสมสำหรับความต้องการของคุณ ซึ่งไมโครอินชัวร์ โบรกเกอร์เป็นโบรกเกอร์ที่มีแผนประกันภัยจากบริษัทชั้นนำให้คุณเลือกมากมาย พร้อมเปรียบเทียบประกันแต่ละแบบเพื่อความคุ้มค่าในการรับประกันรถยนต์ของคุณ ความปรารถนาดีจากเราคือให้คุณประกันรถยนต์ที่ดีที่สุดเพื่อความพึงพอใจและความเชื่อมั่นใจที่สูงสุดครับ